เลือกภาษา:
ความรู้เพื่อสุขภาพ

มะเร็งต่อมลูกหมาก

นพ.ไพโรจน์ อภัยบัณฑิตกุล
มะเร็งต่อมลูกหมาก 
 เป็นโรคมะเร็งชนิดหนึ่งที่พบได้มากในผู้ชาย โดยมักพบได้ในผู้ชายที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป
(พบได้บ่อยในผู้ชายอายุเฉลี่ยประมาณ 70 ปี ส่วนในช่วงอายุ 40-60 ปี อาจพบได้แต่น้อย) ในสหรัฐอเมริกาพบคน
เป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้สูงถึง 70-80% เมื่ออายุมากกว่า 80 ปีขึ้นไป ทั้งนี้ทั่วโลกพบมะเร็งต่อมลูกหมากได้บ่อยเป็นอันดับ 2 ของมะเร็งในผู้ชายทั้งหมดรองจากมะเร็งปอดโดยในสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ. 2551 พบผู้ป่วยใหม่เป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้สูงถึง 186,000 ราย และจากสถิติล่าสุดในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี พ.ศ.2557 คาดว่าจะพบผู้ป่วยใหม่เป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้มากถึง 233,000 คน หรือคิดเป็น 24% ของมะเร็งทั้งหมด ส่วนในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2544-2546 พบผู้ป่วยเป็นโรคนี้ 5.5 ราย ต่อประชากร 100,000 คน
 
สาเหตุของมะเร็งต่อมลูกหมาก
ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก แต่พบปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค ได้แก่

- ผู้สูงอายุ ยิ่งอายุมากขึ้น โอกาสเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากก็ยิ่งสูงขึ้น เพราะส่วนใหญ่จะพบโรคนี้ได้มากในผู้ชายสูงอายุที่มีอายุ 50-60 ปีขึ้นไป (อายุโดยเฉลี่ยคือประมาณ 70 ปี และพบว่า 2 ใน 3 ของผู้ป่วยนั้นจะมีอายุมากกว่า 65 ปี)
- พันธุกรรม ผู้ที่มีพ่อหรือพี่น้อง (บุคคลในครอบครัวสายตรง) เป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากจะเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ได้มากกว่าคนทั่วไปประมาณ 3 เท่า ส่วนการมีญาติผู้หญิงที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านมก็อาจทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้สูงขึ้นเช่นกัน
- เชื้อชาติ เพราะพบโรคนี้ได้มากในกลุ่มชายชาวตะวันตกทั้งในยุโรปและอเมริกา ในขณะที่ชาวเอเชียจะพบได้น้อยกว่า (พบได้สูงสุดในชายชาวสแกนดิเนเวีย และพบได้ต่ำสุดในชายชาวเอเชีย)
- อาหาร โรคนี้อาจมีความสัมพันธ์กับการบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง อาหารที่ให้พลังงานสูง และอาหารจำพวกเนื้อแดงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการบริโภคผักและผลไม้น้อย
- การสูบบุหรี่ พบว่ามีการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้เล็กน้อย แต่ยังต้องมีการศึกษาต่อไป
- การมีระดับฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน (Testosterone) ในเลือดสูง เช่น จากการใช้ฮอร์โมนชนิดนี้เป็นเวลานาน ๆ
- ความอ้วน เนื่องจากมะเร็งชนิดนี้จะพบได้มากในคนอ้วน และมักจะเป็นมะเร็งชนิดร้ายแรงและรักษาได้ยากกว่าคนที่ไม่อ้วน  
 
 อาการของมะเร็งต่อมลูกหมาก

เกิดอาการถ่ายปัสสาวะลำบาก ติดขัด ทำให้ต้องออกแรงเบ่งหรือรอนานกว่าจะถ่ายปัสสาวะออกมาได้ ทำให้ใช้เวลาในการถ่ายปัสสาวะนาน
- ปัสสาวะไม่พุ่งเป็นลำ ลำปัสสาวะเบี้ยว แผ่ว หรือเล็กลง
- มีความรู้สึกเหมือนถ่ายปัสสาวะไม่สุด
- ปัสสาวะบ่อย ห่างกันไม่ถึง 1-2 ชั่วโมง เมื่อมีความรู้สึกเวลาปวดปัสสาวะจะต้องรีบเข้าห้องน้ำทันที (โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนจะปัสสาวะบ่อยผิดปกติ ทำให้หลังเข้านอนต้องลุกขึ้นมาปัสสาวะบ่อย ๆ หรือปัสสาวะราด)
- เมื่อเป็นมากขึ้นผู้ป่วยจะถ่ายปัสสาวะไม่ออก รู้สึกปวดปัสสาวะ ปวดตึงท้องน้อย บางรายอาจมีอาการถ่ายปัสสาวะเป็นเลือดหรือมีเลือดออกปนมากับน้ำอสุจิ เนื่องจากการเบ่งถ่ายนาน ๆ ทำให้หลอดเลือดดำที่ท่อปัสสาวะคั่งแล้วแตกมีเลือดออก (ในรายที่ถ่ายปัสสาวะเป็นเลือด อาจเกิดจากเนื้องอกของทางเดินปัสสาวะหรือนิ่วในทางเดินปัสสาวะได้)  
ระยะของมะเร็งต่อมลูกหมาก
ระยะที่ 1 เป็นระยะเริ่มต้นของโรค ก้อนมะเร็งมีขนาดเล็ก และตรวจไม่พบก้อนเนื้อจากการคลำผ่านทางทวารหนัก พบมะเร็งเฉพาะในต่อมลูกหมากเพียงกลีบเดียว ยังไม่มีการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง
ระยะที่ 2 ก้อนมะเร็งมีขนาดโตขึ้นเล็กน้อย แต่ค่อนข้างมีความรุนแรง และคลำพบผ่านทางทวารหนัก พบมะเร็งทั้งสองกลีบของต่อมลูกหมาก ยังไม่มีการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง
ระยะที่ 3 เซลล์มะเร็งมีการลุกลามออกนอกต่อมลูกหมากไปยังอวัยวะที่อยู่ข้างเคียง
ระยะที่ 4 เซลล์มะเร็งลุกลามเข้ากระเพาะปัสสาวะ และ/หรือลำไส้ตรง และ/หรือเนื้อเยื่อในช่องท้องน้อย และ/หรือต่อมน้ำเหลือง และ/หรือแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือดไปยังกระดูก ปอด ประสาทไขสันหลัง สมอง หรืออวัยวะอื่น ๆ
 
การวินิจฉัยมะเร็งต่อมลูกหมาก
  1. การซักประวัติอาการและการตรวจร่างกาย
  2. การตรวจทางทวารหนักเพื่อคลำหาก้อนมะเร็ง (Digital rectal examinarion – DRE) เนื่องจากต่อมลูกหมากอยู่ติดกับทวารหนัก แพทย์จึงสามารถสวมถุงมือแล้วใช้นิ้วสอดเข้าไปทางทวารหนักเพื่อตรวจคลำขนาดรูปร่างและความยืดหยุ่นของต่อมลูกหมาก ซึ่งในรายที่เป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากมักจะพบต่อมลูกหมากเป็นก้อนแข็งหรือขรุขระ
  3. การเจาะเลือดเพื่อหาสารบ่งชี้มะเร็ง PSA (Prostate specific antigen (PSA) test) เป็นการตรวจเลือดดูค่าสารบ่งชี้มะเร็งที่สร้างโดยเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมากที่เรียกว่า “พีเอสเอ” ซึ่งมักพบระดับพีเอสเอในเลือดสูงมากกว่าปกติในผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมาก
  4. การตรวจอัลตราซาวด์ต่อมลูกหมากผ่านทางทวารหนัก (Transrectal ultrasound – TRUS) เป็นการตรวจโดยใช้คลื่นเสียง ซึ่งแพทย์จะใช้เครื่องมือสำหรับตรวจสอดเข้าทางทวารหนักไปยังตำแหน่งของต่อมลูกหมากเพื่อช่วยในการหาตำแหน่งของก้อนเนื้อ จากนั้นจะเก็บชิ้นเนื้อตัวอย่างจากต่อมลูกหมากด้วยการใช้เข็มขนาดเล็กดูดเซลล์ต่อมลูกหมาก 12 ตัวอย่างจาก 12 ตำแหน่ง ออกมาตรวจทางพยาธิวิทยาว่ามีเซลล์มะเร็งหรือไม่
 
ทางเลือกในการรักษามะเร็งต่อมลูกหมาก
ข้อบ่งชี้ของทางเลือกในการรักษามะเร็งต่อมลูกหมาก ได้แก่ ตำแหน่ง ขนาด ระยะของเซลล์มะเร็ง สภาพร่างกายและจิตใจ รวมถึงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยภายหลังการรักษา โดยปัจจุบันผู้ป่วยมีทางเลือกในการรักษาดังต่อไปนี้
 
การผ่าตัด แบ่งออกได้เป็น 2 วิธี คือ
1.การผ่าตัดโดยใช้วิธีส่องกล้อง ( laparoscopic radical prostatectomy) เป็นการผ่าตัดที่พัฒนามาจากการผ่าตัดเปิดหน้าท้องแบบเดิม ด้วยวิธีนี้ แพทย์จะสอดกล้องขนาดจิ๋วที่เรียกว่า laparoscope และเครื่องมือต่างๆ ผ่านแผลผ่าตัดขนาดเล็กห้าจุดบริเวณใต้สะดือแล้วทำการผ่าตัดผ่านจอมอนิเตอร์ ผลคือผู้ป่วยเจ็บตัวน้อยลง ฟื้นตัวเร็วขึ้น เกิดผลข้างเคียงน้อยกว่า และผลการรักษาดีกว่าการผ่าตัดใหญ่แบบเปิดหน้าท้อง
2.การผ่าตัดโดยใช้แขนกลช่วยผ่าตัด (robotic–assisted da Vinci surgery หรือ da Vinci® prostatectomy) เป็นการผ่าตัดโดยใช้แขนกลหุ่นยนต์ที่ควบคุมโดยแพทย์ ซึ่งไม่เพียงช่วยให้ผู้ป่วยเจ็บตัวน้อยลง และฟื้นตัวเร็วขึ้นเช่นเดียวกับการผ่าตัดโดยวิธีส่องกล้องเท่านั้น แต่ยังเพิ่มโอกาสที่ผู้ป่วยจะสามารถควบคุมการกลั้นปัสสาวะ และคงความสามารถในการแข็งตัวของอวัยวะเพศไว้ได้
- รังสีรักษา ซึ่งมีทั้งการฝังแร่ต่อมลูกหมาก และการฉายรังสีขึ้นอยู่กับผู้ป่วยว่าเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากชนิดความเสี่ยงต่ำ ความเสี่ยงปานกลาง หรือความเสี่ยงสูง
- การให้ยาเคมีบำบัด ซึ่งปัจจุบันให้ผลการรักษาที่ดีขึ้น ขณะเดียวกันแพทย์ก็มีวิธีบรรเทาอาการไม่พึงประสงค์ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากยาให้ลดน้อยลงได้
- การรักษาด้วยฮอร์โมน เป็นการรักษาเพิ่มเติมหลังการผ่าตัด หรือในกรณีที่มะเร็งอยู่ในระยะแพร่กระจาย โดยแพทย์จะทำการลดหรือกำจัดฮอร์โมนเพศชายด้วยการใช้ยาต้านฮอร์โมน หรือผ่าตัดเอาอัณฑะออก