เลือกภาษา:
ความรู้เพื่อสุขภาพ

กรดไหลย้อนคืออะไร? อันตรายหรือไม่

นพ.ธงชัย ปรีชาชัยสุรัตน์

โรคกรดไหลย้อน ( gastroesophageal reflux disease : GERD ) พบได้ตั้งแต่เด็กทารกไปจนถึงผู้ใหญ่ เป็นภาวะที่น้ำย่อยจากกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นไปในหลอดอาหาร ทำให้กิดอาการแสบร้อนบริเวณหน้าอก หรืออาการขย้อนจนรบกวนชีวิตประจำวัน

สาเหตุของโรคไหลย้อน

  • ความผิดปกติของหูรูดส่วนปลายหลอดอาหารที่ทำหน้าที่ป้องกันกรดไหลย้อนจากกระเพาะอาหารมีความดันของหูรูดต่ำกว่าปกติหรือเปิดบ่อยกว่าในคนปกติ ความผิดปกติเหล่านี้อาจเกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ และยาบางชนิด เช่น ยารักษาโรคหอบหืดบางชนิด

  • ความผิดปกติในการบีบตัวของหลอดอาหาร ทำให้อาหารที่รับประทานผ่านหลอดอาหารได้ช้าหรืออาหารที่ไหลย้อนขึ้นมาจากกระเพาะอาหารค้างอยู่ในหลอดอาหารนานกว่าปกติ

  • ความผิดปกติของการบีบตัวของกระเพาะอาหาร ทำให้อาหารค้างอยู่ในกระเพาะอาหารนานกว่าปกติ ทำให้เพิ่มโอกาสการไหลย้อนของกรดจากกระเพาะอาหารสู่หลอดอาหารมากขึ้น อาหารประเภทไขมันสูงและช็อกโกแลตจะทำให้กระเพาะอาหารบีบตัวลดลง

อาการโรคกรดไหลย้อน

  • อาการแสบร้อนบริเวณหน้าอก ซึ่งจะเป็นมากหลังรับประทานอาหารมื้อใหญ่ การโน้มตัวไปข้างหน้า การยกของหนัก การนอนหงาย

  • มีน้ำรสเปรี้ยวหรือรสขมไหลย้อนขึ้นมาในปาก ผู้ป่วยมักมีอาการเรอและมีน้ำรสเปรี้ยวหรือรสขมไหลย้อนขึ้นมาในปาก จนทำให้เกิดพยาธิสภาพในหลอดอาหารขึ้น ได้แก่ หลอดอาหารอักเสบมีเลือดออกจากหลอดอาหาร กลืนติด กลืนลำบาก

  • ท้องอืด แน่นท้อง คลื่นไส้ อาเจียนหลังรับประทานอาหาร

  • เจ็บหน้าอก จุกคล้ายมีอะไรติดหรือขวางอยู่บริเวณคอ ต้องพยายามกระแอมบ่อยๆ

  • หืดหอบ ไอแห้งๆ เสียงแหบ เจ็บคอ อาการเหล่านี้เกิดจากกรดที่ไหลย้อนขึ้นมาบริเวณกล่องเสียง ทำให้เกิดกล่องเสียงอักเสบ

  • ในเด็กเล็ก อาการที่ควรนึกถึงโรคนี้ ได้แก่ อาเจียนบ่อยหลังดูดนม โลหิตจาง น้ำหนักและการเจริญเติบโตไม่สมวัย ไอเรื้อรัง หืดหอบในเวลากลางคืน ปอดอักเสบเรื้อรัง ในเด็กบางรายอาจมีปัญหาการหยุดหายใจขณะหลับ

การวินิจฉัยโรคกรดไหลย้อน

แพทย์จะทำการวินิจฉัยโรคจากอาการที่กล่าวมา หากปฏิบัติตามคำแนะนำหรือรับการรักษาเบื้องต้นแล้วอาการไม่ดีขึ้น อาจจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยพิเศษเพิ่มเติม เช่น

การปฏิบัติตัว

ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ส่วนใหญ่มักมีอาการไม่รุนแรง สามารถรักษาได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตดังต่อไปนี้

  • ระวังน้ำหนักตัวไม่ให้มากหรืออ้วนเกินไป

  • หลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ น้ำอัดลม น้ำผลไม้ หรืออาหารที่มีรสเปรี้ยวจัด เผ็ดจัด อาหารไขมันสูง ช็อกโกแลต เปปเปอร์มินต์

  • หลีกเลี่ยงการดื่มสุราและการสูบบุหรี่

  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารมื้อเย็นปริมาณมาก และไม่ควรนอนทันทีหลังรับประทานอาหาร ควรเว้นระยะเวลานอนหลังรับประทานอาหารอย่างน้อย 3 ชั่วโมง

  • ไม่ใส่เสื้อผ้ารัดรูปหรือรัดเข็มขัดแน่นจนเกินไป

  • ควรรับประทานอาหารปริมาณน้อยแต่บ่อยครั้ง

  • ปรับหรือหนุนหัวให้สูงอย่างน้อย 6 นิ้ว

  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

  • พยายามหลีกเลี่ยงความเครียด

 

แนวทางการรักษาโรคกรดไหลย้อน

  • การรับประทานยา เช่น ยาเคลือบกระเพาะอาหารรักษาแผล ยาลดกรด

  • การผ่าตัด อาจแนะนำในกรณีต่อไปนี้

    • ผู้ป่วยที่รักษาด้วยยาเป็นเวลานานแล้วไม่สามารถควบคุมอาการหรือหยุดยาได้

    • ผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับประทานยาเป็นเวลานานและมีผลข้างเคียงจากยา