ไรโนไวรัส คืออะไร
ไรโนไวรัส (Rhinovirus) คำว่า Rhino แปลว่าจมูก ไรโนไวรัส เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดโรคกับจมูก เป็นสาเหตุของการติดเชื้อไวรัสที่พบได้บ่อยสุดในมนุษย์ และเป็นสาเหตุส่วนใหญ่ของโรคหวัดตามฤดูกาลในทุกๆปี โรคหวัดที่พบบ่อยมากในเด็ก จะมีสาเหตุจาก rhinovirus (HRV) เป็นส่วนใหญ่ ที่เป็นหวัดจะเป็น HRV-A และ HRV-B เพราะไวรัสนี้จะชอบเย็น หรืออุณหภูมิต่ำ จะอยู่ที่จมูก ถ้าเข้าหลอดลม แล้วอุณหภูมิสูงกว่า จะอยู่ไม่ได้ จึงมักไม่มีอาการมาก เป็นแค่หวัดธรรมดา ต่อมาตั้งแต่ปี 2006 พบไรโนไวรัสตัวใหม่ คือ HRV-C ที่ทนความร้อนได้ดี จึงลงหลอดลมได้ทำให้เกิดอาการได้มากกว่า ตั้งแต่หลอดลมอักเสบ ปอดบวม อาการจึงคล้าย RSV พบการระบาดช่วงนี้มากขึ้น HRV-C
อาการเมื่อติดเชื้อไรโนไวรัส
ผู้ป่วยจะมีอาการคัดจมูกน้ำมูกไหล ไอ จามเจ็บคอ หากมีการติดเชื้อ Rhinovirus อาจทำให้เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่าง คือ ไข้ ไอ หายใจหอบเหนื่อย จากภาวะหลอดลมอับเสบและปอดอับเสบ และอาจอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ในเด็กเล็กๆ แม้ว่าจะเป็นโรคที่หายเองใน 1 สัปดาห์ แต่เป็นโรคที่นำผู้ป่วยไปพบแพทย์มากที่สุด โดยเฉลี่ยเด็กจะเป็นไข้หวัด 6-12 ครั้งต่อปี ผู้ใหญ่จะเป็น 2-4 ครั้ง ผู้หญิงเป็นบ่อยกว่าผู้ชายเนื่องจากใกล้ชิดกับเด็ก สำหรับผู้สูงอายุอาจจะเป็นปีละครั้ง
การตรวจวินิจฉัยไรโนไวรัส
การติดเชื้อไวรัสในทางเดินหายใจส่วนบนชนิดต่าง ๆ แยกได้จาก การส่งตรวจหาเชื้อไวรัส 21 สายพันธุ์ ชนิด PCR ซึ่งมีราคาแพงและไม่เปลี่ยนการรักษาในทางปฏิบัติ ซึ่งไม่นิยมส่งตรวจทั่วๆไป
การรักษาไรโนไวรัส
รักษาตามอาการ และผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง และความรุนแรงของโรค กลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ เด็กเล็กอายุ < 2ปี ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ คนที่มีโรคเรื้อรัง ทั้งนี้เพราะเด็กเล็กยังดูแลตัวเองไม่ได้ หายใจไม่สะดวก หากป่วยแล้วดูแลไม่ดี ไปหาหมอไม่ทันเวลาอาจทำให้เกิดอาการปอดอับเสบ ถึงขั้นเสียชีวิตได้
สรุปแล้วไรโนไวรัส ก็คือเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคหวัดตามฤดูกาลที่พบได้บ่อยสุด ยังไม่มีวัคซีนป้องกันนั่นเอง การดูแลสุขภาพ ดูแลพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารครบ5หมู่ ในเด็กเล็กหมั่นล้างมือบ่อยๆ ไม่ไปในที่คนแออัด จะช่วยป้องกันเชื้อไรโนไวรัสได้