คุณพ่อคุณแม่ทราบหรือไม่? ว่าโรคภูมิแพ้ในเด็กเป็นโรคที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน และยังแฝงความอันตรายที่มาพร้อมโรคนี้อยู่ไม่น้อย เนื่องจากเป็นโรคที่เกี่ยวกับเรื่องภูมิคุ้มกันในร่างกายของเด็ก ซึ่งเป็นวัยที่ระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ยังทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพมากนัก ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรเฝ้าระวังและดูแลกันอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ลูกมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงปลอดภัย ห่างไกลจากโรคภูมิแพ้ในเด็ก โดยรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับโรคภูมิแพ้ในเด็กนั้น
แพทย์หญิงอิสรีย์ ลีลายุวัฒนกุล ตำแหน่งกุมารแพทย์ โรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน โรงพยาบาลธนบุรี2 ได้กล่าวว่า
โรคภูมิแพ้ในเด็ก มีสาเหตุที่เกิดจากการตอบสนองของภูมิคุ้มกันในร่างกายที่มากกว่าปกติ ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้น จนทำให้เกิดอาการแพ้ โดยอาการแพ้นั้นขึ้นอยู่กับระบบต่างๆ ในร่างกาย หรือชนิดของโรคภูมิแพ้ที่เป็น
ชนิดของโรคภูมิแพ้ในเด็กที่พบบ่อย ได้แก่
-
โรคภูมิแพ้ผิวหนัง จะมีลักษณะผิวแห้ง และมีอาการคัน เป็นผื่นตามใบหน้าหรือข้อพับต่าง ๆ ตามร่างกาย ซึ่งอาการจะเป็น ๆ หายๆ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัจจัยกระตุ้นในขณะนั้น
-
โรคภูมิแพ้อาหาร มีอยู่หลายชนิดและหลายอาการ หากเป็นระบบผิวหนัง อาจจะเป็นผื่นลมพิษ ซึ่งอาจจะคันหรือหน้าบวม ตาบวม ปากบวมได้ แต่หากเป็นที่ระบบทางเดินอาหาร อาจจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว หรือถ่ายปนมูกเลือด และหากเป็นที่ระบบทางเดินหายใจ อาจจะมีอาการไอ แน่นหน้าอก หรือหายใจลำบาก หรือหากมีอาการแพ้หลายระบบ อาจจะมีอาการรุนแรงถึงแก่ชีวิตได้
-
โรคหืด จะมีอาการไอ เหนื่อย แน่นคอ หายใจเสียงดังวี้ด ซึ่งอาการส่วนใหญ่จะเป็นตามหลังการติดเชื้อ เช่น หัวเราะ หรือออกกำลังกาย
-
โรคภูมิแพ้จมูก จะมีอาการคัดจมูก คันจมูก จาม น้ำมูกไหล หรือมีอาการไอ จากน้ำมูกไหลลงคอ อ้าปากหายใจเนื่องจากคัดจมูก อาการจะเป็น ๆ หาย ๆ ซึ่งอาจสัมพันธ์กับอุณหภูมิ , ความชื้น , มลภาวะ , ควันบุหรี่ หรือสารก่อภูมิแพ้
-
โรคภูมิแพ้ที่ตา จะมีอาการคันตา เคืองตา น้ำตาไหล กระพริบตาบ่อย ส่วนใหญ่พบร่วมกับโรคภูมิแพ้จมูก
ส่วนเรื่องการวินิจฉัยโรคภูมิแพ้ในเด็กนั้น แพทย์หญิงอิสรีย์ ลีลายุวัฒนกุล ยังกล่าวอีกว่า เริ่มจากการที่แพทย์จะซักประวัติอย่างละเอียด ถึงอาการที่เป็น และตรวจร่างกายเกี่ยวกับอวัยวะที่เกี่ยวข้อง เช่น จมูก ปอด ผิวหนัง เป็นต้น
ถ้าประวัติและอาการของภูมิแพ้ชัดเจน แพทย์จะสามารถวินิจฉัยได้เลย แต่หากไม่ชัดเจนต้องตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติม โดยทั่วไปการตรวจสามารถทำได้ 2 วิธีคือ
1.การสะกิดผิวหนัง เพื่อหาสารก่อภูมิแพ้
2.การตรวจเลือด เพื่อหาค่า specific IgE ต่อสารก่อภูมิแพ้
โดย 2 วิธีนี้ เป็นการตรวจหาสารก่อภูมิแพ้ที่สงสัยว่าทำให้เกิดอาการของโรคภูมิแพ้
ซึ่งคุณหมอยังได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการรักษาที่ถูกต้องไว้อีกด้วย คือ หากผลการตรวจเข้าได้กับโรคภูมิแพ้ แพทย์จะสั่งจ่ายยา เพื่อควบคุมไม่ให้เกิดอาการแพ้ เช่น ยาพ่นคุมอาการโรคหืด, ยาพ่นจมูก, ยาแก้ โดยแพทย์จะนัดดูอาการอย่างต่อเนื่อง และควรหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ เช่น ไรฝุ่น แมลงสาบ สุนัข แมว หญ้า เชื้อรา หรือมลภาวะต่างๆที่กระตุ้นให้เกิดโรคภูมิแพ้ เพื่อการควบคุมอาการของโรคให้ดีขึ้น และเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับผู้ป่วยโรคภูมิแพ้
สุดท้าย แพทย์หญิงอิสรีย์ ลีลายุวัฒนกุล ได้แนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการ “ปฏิบัติตัวเมื่อทราบว่าลูกเป็นภูมิแพ้” ไว้ดังนี้
-
หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่จะทำให้เกิดการภูมิแพ้ เช่น การติดเชื้อ, มลภาวะต่างๆ โดยการใส่หน้ากากอนามัย, ล้างมือบ่อยๆ
-
จัดเก็บที่อยู่อาศัยให้เป็นระเบียบ สำคัญที่สุดคือในห้องนอน โดยการทำความสะอาดผ้าปูที่นอนทุกสัปดาห์ ด้วยน้ำร้อนอุณหภูมิมากกว่า 55°C , ใช้ผ้าปูที่นอนกันไร้ฝุ่น มีหมอนและผ้าห่มเท่าที่จำเป็น
-
หากเลี้ยงสุนัข หรือแมว ควรอาบน้ำสัตว์เลี้ยงสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
-
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ, กินอาหารให้ครบ 5 หมู่, พักผ่อนให้เหมาะสมตามอายุ
-
ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ควรได้รับ วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี
หากคุณพ่อคุณแม่ หรือผู้ปกครองท่านใดสังเกตได้ว่าลูกหลานของท่านอาจมีอาการที่เสี่ยงจะเป็นโรคภูมิแพ้ในเด็กตามที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ควรรีบพามาพบแพทย์ เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง และได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีจะดีที่สุดค่ะ
ศูนย์การแพทย์และคลินิกเฉพาะทาง
คลินิกกุมารเวช โรงพยาบาลธนบุรีทวีวัฒนา
ชั้น 2 อาคาร 2 เปิดบริการเวลา 07.30 - 22.00 น.
ชั้น 1 อาคาร 1 เปิดบริการเวลา 22.00 - 24.00 น.
โทร.02-4872100 ต่อ 5228-5229